ลูกสาวสุดปัง แอลลี่ ติดอันดับ TOP100 ผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยที่สุดในโลก

วินาทีนี้ความแรงฉุดไม่อยู่จริง ๆ ลูกสาวแห่งชาติ ALLY หรือ แอลลี่ อชิรญา นิติพน ศิลปินจากค่าย 411 Music
เพราะนอกจากความสามารถ ร้อง เต้น มากล้นแล้ว ปัจจุบันยังฮอตอย่างต่อเนื่องเมื่อ ALLY
ถูกเสนอชื่อเป็น 1 ใน 100 ผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยที่สุดในโลก จากเว็บไซต์ TC Candler ในวันที่ 4 เดือนธันวาคม ที่ผ่านมา

ซึ่ง TC Candler ได้โพสต์แสดงความยินดีผู้ถูกคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ว่า
“Congratulations to these gorgeous people for being officially nominated as one of the 100 Most Beautiful Faces of 2022”

TC Candler

สำหรับ TC Candler คือเว็บไซต์การจัดอันดับสาวสวยแล้วก็ชายหนุ่มหล่อที่สุดในโลก

จัดทำโดยกลุ่มผู้ชำนาญซึ่งประกอบไปด้วยนักวิจารณ์อิสระที่คัดเลือกใบหน้าของสาว ๆ คนมีชื่อเสียงจากทั่วโลก
ร่วม 5,000 คน ให้เหลือแค่ 100 อันดับเท่านั้น
โดยจะมีการโหวตผ่านสื่อโซเชียล ในเดือนสุดท้ายของทุกปี ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 1990 ซึ่งเป็นระยะเวลาทั้งหมด 33 ปี

“แอลลี่ อชิรญา” ตัวท็อป T-POP ทำให้มองเห็นทุกอย่างมาจากความพยายามทุ่มเพื่อสิ่งที่รัก

สวย เก่ง ครบเครื่อง เลยไม่ทำให้แปลกใจว่าเพราะเหตุใด!
นักร้องหน้าใส “แอลลี่ – อชิรญา นิติพน” หรือ ALLY ถึงถูกยกให้เป็นลูกสาวแห่งชาติแล้วก็เป็นตัวท็อป ที-ป็อป มีแฟนเพลงหลงเลิฟทั่วบ้านทั้งเมือง
แจ้งเกิดตั้งแต่เพลงเดบิวต์ How To Love

กว่า 2 ปี กับทางที่เข้ามาโลดแล่นในวงการบันเทิงอย่างเต็ม “แอลลี่” โชว์ให้เห็นแล้วว่าได้ทุกอย่างมาเนื่องจากความสามารถแม้ว่าจะมีโชค(ช่วย) บ้างแต่ท้ายที่สุด “ความพยายาม” ที่ทุ่มอย่างหมดตัวเพื่อได้ทำในสิ่งที่รัก จึงได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินเป้า

แอลลี่

โดย “แอลลี่” เล่าถึงซิงเกิลคัมแบคในรอบ 2 ปี

ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขว่า “เพลง Boys Like You ก็จะกลับมาพร้อมความโตขึ้น แข็งแรงขึ้น
เป็นเพลงที่หนูต้องการโชว์ว่าหนูเป็นแบบนี้ได้เหมือนกัน เพอร์ฟอร์มได้ก็ดีใจกับกระแสตอบรับที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ

และจากนั้นก็ปล่อยเพลง Heartbeat ออกมาค่ะ ก็จะมีความสดใส จะมีความเป็นแอลลี่เหมือนภาพที่ทุกคนมองเห็น
กับเพลงนี้เป็นเพลงแรกที่หนูเขียนมาก ซึ่งตอนที่เขียนเพลงนี้เป็นตอนๆที่ทางค่ายให้เรียนทำเพลงด้วย ก็จะมีพี่โปรดิวเซอร์คอยแนะนำ
ใช้เวลาอยู่ประมาณ 2-3 เดือน ตอนแรกหนูได้ฮุคมาแล้ว แต่มันมีปัญหาค่ะ เนื่องจากพอได้ฮุคมาก่อนเราก็ไม่รู้เรื่องว่าท่อนเปิด ท่อนปิด จะไปยังไง (หัวเราะ)

แล้วหนูเขียนเพลงก็จะเสียดายเวลาที่มี เลยจะใช้ทุกวินาทีให้คุ้มที่สุด พี่ ๆ เขาก็จะคอยตบ ๆ ให้ และจากนั้นก็ได้ “พี่ไทแทน” (ไทแทน ทีปประสาน) เขียนเปิดให้ 4 บรรทัด แล้วเขาก็หนูมาต่อเอง พอเพลงผ่านก็ดีใจ เนื่องจากอันที่จริงแล้วโดนแก้ยับเลยค่ะ (หัวเราะ)
แต่มันคือการศึกษา หนูชอบนะ มันดีที่เขาบอกให้เราแก้ ดีกว่าที่ปล่อยออกไปแล้วคนไม่ชอบ มันก็จะเจ็บกว่าเดิม

หนูสารภาพว่าหนูคาดหวังกับเพลงนี้มาก ๆ เป็นเพลงที่เราทำเอง
เป็นไอเดียของหนูทุกอย่างเลย ถ้าหากมีคำว่าอะไรก็เป็นหนูเองทั้งหมด แต่พอแฟนคลับชอบกันก็ดีใจมาก ๆ หนูแฮปปี้ที่ได้กลับมาทำในสิ่งที่รัก
แล้วก็ได้มาเจอแฟนคลับพวกเขาก็รอหนูค่ะ ยอมรับว่าหนูลุ้นว่าการคัมแบคของหนูจะคืออะไร
เนื่องจากหนูหายไปนานพอสมควร

หนูกดดันตนเองนิดหน่อย เนื่องจากตอน How To Love ทุกอย่างตู้มมาก
ในขณะนั้นหนูเด็กด้วย หนูก็ออกจะตกใจกับฟีดแบคที่ดีมาก ๆ เหมือนว่าพอเราเจอกับสิ่งนั้นมาแล้ว การกลับมาคราวนี้ตอนแรกหนูก็ไม่ได้ต้องการคาดหวังว่าต้องเหมือนเดิม ต้องดังมาก แต่พอเพลงปล่อยออกมาคนว้าว หนูก็ดีใจกับคอมเมนต์ กับการตอบรับ เนื่องจากหนูเองก็ต้องการให้คนพูดว่า “แอลลี่โตขึ้น , แอลลี่เก่งขึ้น” พอมีคนพูดแบบนั้นจริง ๆ หนูใจฟูเลยค่ะ คือหนูต้องการให้ทุกคราวที่หนูกัลบมาดูดีขึ้น ไม่ต้องการให้มีครั้งไหนมีคนพูดว่าดร็อปจังเลย ต้องการให้มีความเห็นว่าเราพัฒนามากขึ้นค่ะ”

2 ปี ก่อนคัมแบค “แอลลี่” ไม่เคยหยุดพัฒนาตนเองเลย?
“ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หนูก็มีโอกาสได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์งานในวงการบันเทิง ได้เจอคน ได้พูด ได้สัมภาษณ์ ทำให้หนูกล้าพูด กล้าแสดงออกมากขึ้น มั่นใจในตัวเองมากขึ้น เรื่องเพลงหนูอาจจะหายไป แต่ก็ยังมีงานอื่นๆ ที่ยังได้เห็นกันอยู่ ในระหว่างนั้นหนูก็เตรียมตัวเรื่องคัมแบคเพลงใหม่ด้วย ซึ่งหนูมองว่าหนูไม่ได้เสียดายที่งานเพลงหนูหายไปพักใหญ่ เพราะถ้าปล่อยมาในช่วงเวลาก่อนหน้านี้หนูก็อาจจะไม่พร้อมเท่าตอนนี้ก็ได้ แต่เรื่องเดียวที่เสียดาย คือบางคนที่ติดตามหนูอาจจะหายไปแล้ว เพราะหนูไม่มีผลงานให้ติดตามขนาดนั้น แต่หนูเองก็คิดว่าวันนึงถ้าหนูกลับมาเขาได้เห็นหนูผ่านทางหน้าจอ ก็จะพาเขากลับมาได้ กลับมาเถอะค่ะ (ทำหน้าอ้อน)”

เป็นยูทูบเบอร์รุ่นแรก ๆ ก่อนจะมาตามฝันเป็นนักร้อง?
“เด็กๆ หนูเป็นยูทูบเบอร์ ทุกวันนี้หนูก็อยากเป็นค่ะ หนูก็มีแพลนว่ากลับมาทำ เพราะหนูเองก็มีช่องของตัวเองด้วย ทำคอนเทนต์ที่ไม่เกี่ยวกับเพลง เป็นตัวตนของหนู เช่น ไปทำงาน ทำอาหาร ฯลฯ เชื่อไหมคะว่าหนูคิดถึงการตัดคลิปเอง เพราะเมื่อก่อนหนูทำเองหมดเลย ถ่ายเอง จัดไปเอง ตัดเอง อัปโหลดเอง ดูไฟล์เอง โมโหตัวเอง (หัวเราะ) ทำทุกอย่างเองจริงๆ ด้วยความที่หนูเป็นเพอร์เฟคชั่นนิสมากๆ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่

คือถ้าเราทำเองมันก็แก้ที่ตัวเราเองได้ หนูคิดถึงการเป็นแบบนั้น หนูชอบการทำกราฟฟิกมาก หนูอยากคัมแบคมาก หนูก็เป็นยูทูบเบอร์รุ่นแรกๆ อยู่นะคะ (หัวเราะ) ก็อยากจะทำเป็น Vlog เพราะเด็กๆ หนูจะทำแนวบิวตี้ เป็นอินฟูลฯ หลังเลิกเรียนต้องรีบกลับบ้านถ่ายคลิป ถ้ากลับมาก็ไม่อยากทำบิวตี้เท่าไหร่ เพราะทุกคนน่าจะเห็นกันบ่อยแล้ว

คนเห็นภาพหนูแบบนั้นผ่านสื่อบ่อย จนหนูรู้สึกว่าคนไม่ค่อยไม่ได้เห็นภาพหนูอีกมุมนึง ไลฟ์สไตล์ของหนู ไม่ได้รู้ว่าหนูเป็นยังไง ซึ่งหนูเสียดาย แต่ในไอจีหนูก็เป็นตัวเองนะคะ หนูไม่ได้เฟคหน้ากล้องอะไร แต่ด้วยความที่บางทีด้วยการทำงานต้องทำในโจทย์ต่างๆ เวลาทำงานอาจจะต้องเป๊ะ หนูเลยอยากให้คนเห็นมุมหลุดๆ ของหนูบ้าง เดี๋ยวหนูจะกลับมาค่ะ”

เส้นทางศิลปินของ “แอลลี่”?
“ก่อนหน้าหนูก็เคยมีโอกาสได้ไปดูคอนเสิร์ตทั้งของศิลปินไทยและศิลปินต่างประเทศ ไปบ่อยมากๆ หนูชอบไปคอนเสิร์ตอยู่แล้ว ชอบเสียงกรี๊ด ชอบฟังเพลงลำโพงใหญ่ๆ ตอนที่ “อากึ้ง” (กึ้ง เฉลิมชัย) ชวนมาเป็นนักร้องก็ตัดสินใจไม่ยากค่ะ เพราะหนูยังไม่เคยเจอใครที่เดินมาออฟเฟอร์หนูแบบนั้น ตอนนั้นยังไมได้เปิดค่าย 411 music เลยค่ะ เขาบอกว่าหนูจะเป็นศิลปินคนแรก ก็กลัวเหมือนกันค่ะ ไม่รู้ว่าจะยังไง แต่พอหนูได้บอกว่าความต้องการของหนูคืออะไร หนูต้องการพาตัวเองไปถึงจุดไหน แล้วเหมือนว่าสิ่งที่เรามองเห็นมันตรงกัน ก็เลยลองเพราะตอนนั้นหนูอายุ 15 เอง ยังลองได้ ถ้าไม่รับโอกาสนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกไหม

การเทรนด์ในช่วงอายุ 15 ก็หนักสำหรับหนู เพราะหนูเองก็เป็นคนที่เซ็นซิทีฟด้วย มันแค่ยากตรงที่ว่าเราพูดไม่ได้ว่าขอพักได้ไหม แล้วเราพักไม่ได้ แต่มันก็ทำให้เราชินมาจนถึงทุกวันนี้ เรียนรู้ว่าการอดทนเป็นยังไง เหมือนตอนนี้ถ้าเราเหนื่อย แต่เรามีงานเราก็ต้องทำ เราจะไม่ทำไม่ได้ มันคือความรับผิดชอบของเรา การเทรนด์เขาไม่ได้เทรนด์แค่การร้อง การเต้น เขาเทรนด์ทุกอย่างจริงๆ”

ตอนเวลาที่ยากลำบาก ทำยังไงให้พาตนเองไปต่อแล้วก็ไปจนกระทั่งวันที่สำเร็จ?
“พอได้ทำในสิ่งที่ชอบ เป็นสิ่งเอ็นจอยจริงๆ เราจะไม่ได้ท้อแล้วหยุด อันนี้คือสิ่งที่หนูรักมากๆ เลยพยายามให้เต็มที่ที่สุด ถึงหนูจะท้อหรือกดดัน แต่หนูก็จะไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไป ไม่ได้ค่ะ หนูจะมีกระจกวางไว้ในห้องที่พักเอาไว้ซ้อมหลังจากที่ฝึกซ้อมจากการเทรนด์ เวลาหนูซ้อมเพลงไหนแล้วเครียดมากๆ หนูจะต้องกลับมาแล้วไปที่กระจกเปิดเพลงที่หนูชอบเต้น แล้วมันจะได้ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้เหนื่อยที่การเต้น แค่เราไม่ถนัดสไตล์ของเพลงนี้เฉยๆ เรารักการเต้นอยู่แล้ว เราสามารถทำได้ เราแค่ต้องค่อยๆ เพิ่มความถนัดเข้าไปเฉยๆ ซึ่งการคัมแบครอบนี้มาตรฐานที่ต้องมากขึ้น ต้องก้าวกระโดด”

เพลงเดบิวต์ประสบความสำเร็จมาก?

“หนูตกใจมากค่ะ ยังจำความรู้สึกวันนั้นได้เลย ณ ตอนนั้นหนูเล่นทวิตเตอร์ไม่เป็น ไมได้เล่นไอจีบ่อยขนาดนั้น แต่หนูก็โหลดทวิตเตอร์มาเพื่อจะรีเช็คและโปรโมทงานตัวเอง พอเห็นชื่อตัวเองอยู่ในเทรนด์อันดับหนึ่งบนทวิตเตอร์ ซึ่งหนูก็ไม่รู้มันยากขนาดไหนว่าชื่อมาติดเทรนด์ได้ ยากแค่ไหนที่เพลงขึ้นที่หนึ่งในหลายๆ แพลตฟอร์ม พออยู่มาสักพักได้ปล่อยเพลงมาอีก ก็ทำให้เข้าใจว่าทุกเพลงไม่ได้จะขึ้นได้ตลอด มองกลับไปหนูเลยว้าวมาก หนูอยากขอบคุณทุกคน ขอบคุณทุกการตอบรับ เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ เลยค่ะ”

ทุ่มเทเพื่อทำให้ทุกคนในความสามารถของตนเอง เนื่องจากเคยกดดันที่ถูกเห็นว่าเป็นลูกคนมีชื่อเสียงมีใบเบิกทางมากกว่าผู้อื่น?

“หนูกดดันค่ะ ด้วยความที่คุณพ่อของหนูเป็นนักร้อง (อ่ำ อัมรินทร์) และพ่อเองก็ทำหลายอย่าง ก็ซึมซับการทำงานจากคุณพ่อ เขาดูหลุดอยู่ในโลกของเขา หนูเองก็อยากหลุดไปอยู่ในโลกของหนูแบบนั้นบ้าง อยากลองว่าการขึ้นเวทีมันเป็นยังไงบ้าง แล้วหนูเองก็เคยได้ขึ้นคอนเสิร์ตกับคุณพ่อด้วย จำได้ว่าเป็นคอนเสิร์ตรวม ด้วยความเด็กก็ขึ้นแบบไม่ได้คิดอะไร

หนูเคยเห็นคอมเมนต์นึงเขาพูดว่า “ถ้าไม่เก่งจริง ก็จะพิสูจน์ตัวเองไม่ได้” ทุกวันนี้หนูก็ยังพิสูจน์ตัวเองว่าหนูทำได้ด้วยตัวเอง แต่หนูก็ไม่ได้อยากให้ใครรู้สึกว่าแอลลี่ไม่ภูมิใจในครอบครัวเหรอ คือหนูภูมิใจเสมอที่เป็นลูกของใคร หนูดีใจที่ตัวเองได้ประสบการณ์ต่างๆ ตั้งแต่เด็กๆ คนอื่นเขาอาจจะไม่มีประสบการณ์ตรงนี้ หนูรู้สึกว่าตัวเองโชคดี ซึ่งกับคุณพ่อเองเขาก็คอยเป็นกำลังใจให้หนู คอยอยู่เบื้องหลัง หนูเองก็ต้องพิสูจน์ว่าทุกอย่างมาจากความตั้งใจและมาจากความสามารถของหนูจริงๆ สุดแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับตัวหนูเองด้วยว่าจะทำได้ไหม หนูปล่อยให้ทุกอย่างไปตามธรรมชาติ ไม่อยากบอกตัวเองให้กดดันตัวเองมากเกินไป

หนูมีเพื่อนที่อยู่ในวงการเราจะแชร์กันว่าทุกคนในทุกอาชีพมีความกดดันเหมือนกันหมด ไม่ได้มีอะไรวัดว่าใครพยายามมากกว่าใคร ใครเก่ง ใครไม่เก่ง ใครสมควรดังมากกว่าใคร เราไม่ควรไปพูดว่ายูไม่เก่งนะ มันคือตัวตนของแต่ละคน ท้ายที่สุดแล้วใครที่ทำงานเพื่อที่อยากดังมันไม่มีความสุขในการทำจริงๆ เพราะจะหวังเพียงอย่างเดียว ไม่ได้อยู่ในโมเมนต์จริงๆ ว่าการทำงานจริงๆ เป็นยังไง อาจจะหลุดโฟกัสไปที่อย่างอื่น หนูเลยจะคิดว่าทุกคนมีความกดดัน มีความพยายาม และมีแพชชั่นเหมือนกันหมด

ตัวหนูเองก็ไม่อยากเครียด จะคิดว่าจะทำยังไงได้บ้างกับคอมเมนต์ลบๆ แม้เราจะคิดว่าคอมเมนต์เหล่านี้มันจะอยู่ตลอดไป แต่ว่าไม่ควรจะอะไรกับสิ่งมันไม่ได้ช่วยในชีวิตเราจริงๆ หรือบั่นทอนก็มองข้ามไป ถ้าเราติดอยู่กับสิ่งนี้มันเสียเวลา แทนที่เราจะเอาเวลานั้นไปพัฒนาตัวเองหรือไปทำให้ตัวเองมีความสุข หนูก็เลยจะปล่อยวางค่ะ”

วันที่ได้ออนสเตจจริง ๆ ตามภาพที่วาดไว้เป็นยังไง?

“ก็เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ค่ะ เพราะเวลาเราไปดูคนอื่น เวลาเขาขึ้นเวทีมาเราก็จะกรี๊ดเขา เราเคยอยู่ในฐานะที่เราซื้อบัตรไปดู ไปนั่งรอประตูเปิด ซื้อแท่งไฟ ซื้อเสื้อ หนูจะเข้าในฟีลการซื้ออัลบั้ม ซื้อของออฟฟิศเชียล บางทีต้องรอนาน ร้อน นั่งรถมาไกล พอมีใครทำแบบนั้นให้หนูเลยรู้สึกขอบคุณมากๆ เพื่อเขาสละเวลาส่วนตัวของเขามาหาหนู มาดูหนูร้องเพลง มาให้กำลังใจ พี่ๆ แฟนคลับเขาทุ่มเทให้หนูมากจริงๆ ค่ะ

หนูรู้สึกขอบคุณทุกคนในทุกครั้งที่ได้เจอกันเลยค่ะ และเมื่อมีโอกาสหนูจะมีของขวัญมาตอบทุกคน หนูไม่อยากทรีตพวกเขาว่าเป็นแฟนคลับ สำหรับหนูทุกคนเป็น พี่ เพื่อน ถ้าเจอกันบ่อยๆ หนูก็จะเริ่มจำหน้าได้ เวลาคุยกันหนูก็ปล่อยความเป็นตัวเองมากที่สุด เพราะทุกคนชอบที่เราเป็นเรา หนูไม่ได้อยากทำอะไรให้มันยุ่งยาก หนูแฮปปี้ทุกครั้งที่ได้คุยกับแฟนๆ ที่มาหา พวกเขาคือกำลังใจที่ดีของหนู ตัวหนูเองก็อยากที่จะเป็นกำลังใจให้พวกเขาเช่นกันค่ะ”

ถูกยกเป็น “ลูกสาวแห่งชาติ” ตัวท็อป “ที-ป็อป”?

“ขอบคุณมากค่ะ (ไหว้และยิ้มเขิน) หนูรู้สึกดีและภูมิใจมากๆ แล้วก็สนุกทุกครั้งที่เห็นวงการ ที-ป็อป มีวงใหม่ๆ เดบิวต์ เพราะยังไงแล้วเราก็เป็นเพื่อนร่วมวงการกันหมด ไม่มีการแข่งขัน หนูเป็นคนที่ไม่ชอบแข่งกับใครอยู่แล้ว หนูว่าทุกคนมีช่วงเวลาของตัวเอง และทุกคนมีเส้นทางในชีวิตแตกต่างกันออกไป ถ้าเราจะทำให้ทุกอย่างให้เหมือนกันมันคงไม่สนุก

หนูมองว่ากลุ่มนี้ทำแนวนี้แล้วเท่มาก กลุ่มนี้น่ารักสุดๆ ไปเลย แล้วการที่หนูได้เป็นหนึ่งส่วนในนี้ก็รู้สึกดีค่ะ เราเองก็ฝันมานานว่าอยากเป็นนักร้องแล้วพอมีคนตอบรับเราในเส้นทางนี้ ก็ทำให้ภูมิใจและดีใจกับทุกๆ คนที่อยู่ในเส้นทางนี้ หนูเชื่อว่าแต่ละคนผ่านอะไรมาเยอะ สำหรับหนูเองคุ้มค่าความเหนื่อย การอยู่ในวงการนี้มันไม่ได้แค่เราจะไดแค่โชว์ ได้งาน แต่มันคือชีวิตหนูเลยค่ะ หนูได้เพื่อน ได้ประสบการณ์ในการเจอคน ได้พูดคุย ได้แลกความคิดเห็น มันคืออีกพาร์ทนึง อีกสังคมนึงของชีวิต”